เช็คทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2568 แนวโน้มเริ่มฟื้น แต่ความเสี่ยงเพียบ

03 มกราคม 2568
เช็คทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2568 แนวโน้มเริ่มฟื้น แต่ความเสี่ยงเพียบ

เปิดทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2568 แม้ว่าจะมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามหลายปัจจัย เช็คข้อมูลเชิงลึกทั้ง ปัจจัยสนับสนุน ข้อจำกัด ปัจจัยเสี่ยง รวบรวมไว้ที่นี่ครบ

เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังคงต้องจับตาหลายปัจจัยทั้งในและนอกประเทศว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แม้ว่าที่ผ่านมา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ คาดว่า จะขยายตัวประมาณ 2.3 - 3.3% โดยมีค่ากลางการประมาณการอยู่ที่2.8% ต่อเนื่องจากการขยายตัว 2.6% ในปี 2567

ทั้งนี้มีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ภาคเอกชนภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุน การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น รวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออกสินค้าสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก

อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังมีความเสี่ยงและข้อจำกัด ที่สำคัญซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในกรณีฐาน เป็นผลเนื่องมาจากความเสี่ยงของแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจขยายตัวต่ำกว่าที่คาดท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

รวมทั้งความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยยังมีข้อจำกัดของการขยายตัวอันเนื่องมาจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง และแนวโน้มความผันผวนในภาคการเกษตร

       1.การเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากรายจ่ายภาครัฐโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน

สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเหลื่อมปีประจำปีงบประมาณ 2568 ดังนี้

การเพิ่มขึ้นของกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในวงเงินรวม 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% จากปีงบประมาณก่อนหน้า เมื่อพิจารณาจากสมมติฐานอัตราเบิกจ่าย สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่92.1% คาดว่าจะมีเงินงบประมาณเบิกจ่ายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวม 3.46 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากปีก่อน

กรอบงบประมาณรายจ่ายเหลื่อมประจำปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งสิ้น 2.75 แสนล้านบาท ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 และเพิ่มขึ้น 71.9% จากปีงบประมาณก่อนหน้า เนื่องจากความล่าช้าในกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567

  1. การขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชนภายในประเทศ

ตามแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชนและการขยายตัวต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน โดยคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะกลับมาขยายตัวสอดคล้องกับการฟื้นตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่

การขยายตัวของการนำเข้าที่เห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2567 เป็นการเพิ่มขึ้นของปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง

การเพิ่มขึ้นของยอดการขอรับการอนุมัติ และการออกบัตรส่งเสริมการลงทุน ในช่วง 9 เดือนของปี 2567 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมการเกษตรและแปรรูปอาหาร สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนโดยตรงไหลเข้าจากต่างประเทศในช่วง 9 เดือนของปี 2567 ที่มีมูลค่ารวม 7.2 ล้านล้านบาท

การขยายตัวของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ขาย/เช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 6,174 ไร่ นับเป็นขนาดพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขณะเดียวกัน การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนจะยังคงสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเริ่มชะลอตัวเข้าสู่แนวโน้มปกติมากขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานนอกภาคเกษตร ประกอบกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่แม้จะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายนโยบายการเงิน

  1. การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว

สอดคล้องกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น สะท้อนจากจ่านวนนักท่องเที่ยวจากประเทศต้นทางส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นเดียวกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากแนวโน้มการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก และการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินระหว่างประเทศมายังประเทศไทย ส่งผลต่อจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) เพิ่มขึ้น รวมถึงการดำเนินมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติของภาครัฐผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยและการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว

รวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาล รวมไปถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค ซึ่งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวดังกล่าวส่งผลให้ภาคบริการที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ภาคการขนส่ง ภาคบริการที่พักและร้านอาหาร รวมถึงภาคการค้ามีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง

  1. การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกสินค้า

สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก นอกจากนี้ ทิศทางการค้าโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวตามยอดคำสั่งซื้อใหม่ (New orders) ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลักที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งแนวโน้มวัฏจักรขาขึ้นของสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสัญญาณสะท้อนถึงทิศทางการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

ขณะเดียวกัน การส่งออกในกลุ่มสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูปและอาหารของไทย ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามความต้องการของตลาดโลกที่ยังสูง โดยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการส่งออกจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งส่งผลให้กาถรลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ดี แนวโน้มการขยายตัวของการส่งออกสินค้าของไทยในระยะต่อไปยังคงมีความอ่อนไหวสูงมากต่อทิศทางการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนทั้งรูปแบบและช่วงเวลาของการดำเนินการ

อ่านต่อได้ที่ : https://www.thansettakij.com/business/economy/615957


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.